คนเค้ามักจะพูดกันว่า อายุ กับ ความทรงจำ นั้นจะแปรผันตามกัน กล่าวคือ
ยิ่งแก่ความทรงจำในอดีตยิ่งเยอะนั่นแหละ
แล้วด้วยความที่ใส่รองเท้าผ้าใบมาตั้งแต่เด็ก(พ่อแม่จับแต่งแบบนี้ ประหนึ่งอยากให้
ลูกชายเป็นนักกีฬาชื่อดัง) ก็เลยทำให้ได้ใส่รองเท้ามาหลายคู่ และหลายรุ่น
มีทั้งชอบ-ไม่ชอบ บ้างปนๆกันไป(ส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบคือสวยแต่รูป แต่ใส่แล้วเจ็บติง)
ทั้งนี้ก็เลยเป็นที่มาของการเข้ามาพล่ามในวันนี้ นั่นเอง
หนึ่งในรองเ้ท้าที่รู้สึกดีมากที่สุด ใส่สบายที่สุด ดีไซน์สวยที่สุด ก็จะเป็น nike air tech challenge II
รองเท้าเทนนิสรุ่นที่ดังที่สุด ซึ่งใส่โดยผู้เล่นที่เก่งที่สุดและแต่งตัวได้แนวที่สุดเมื่อกว่า
15 ปีก่อน และก็คิดว่าในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครกินเรื่องแฟร์ชั่นของ agassi ตอนนั้นได้เหมือนกัน
เพราะในสมัยนู้น นักเทนนิสจะใส่เสื้อผ้าที่เป็นพื้นขาวซะส่วนใหญ่(แถมใส่เสื้อไว้ในกางเกงอีกต่างหาก)
กางเกงก็จะเป็นสีพื้นธรรมดาเท่านั้น จะมีแต่ agassi คนเดียว ที่แหกคอก ไว้ผมยาว เจาะหู ใช้ผ้าผูกคาดผม
เสื้อก็ปล่อยชาย(ชายหน้าสั้น-หลังยาวอีก) กางเกงเป็นกางเกงรัดกล้ามเนื้อสามส่วน
ทับด้วยกางเกงผ้ายีนส์ฟอกขาสั้นอีกที)
เรียกว่าเป็นแกะดำของวงการเทนนิสเลยว่างั้น
มาดูภาพที่โม้ไปก่อนหน้านี้ที่ใช้เป็นภาพโฆษณาสมัยนั้นกัน(หา version ภาษาป่ะกิตไม่ได้
ใครแปลได้ช่วยหน่อยนะ - -")
แต่ทั้งหมดที่ว่าไป คงจะไม่ได้นึกถึงถ้าไม่ไปเจอเสื้อสุดที่รัก(ซ่อนเอาไว้อย่างดี ไม่งั้นเสร็จมือ
คุณแม่สุดที่เลิฟ เอาไปบริจาคแล้วแน่นอน)
ทั้งหมดนี้ซื้อจากเซ็นทรัลชิดลม ตั้งแต่ไฟยังไม่ไหม้(น่าจะเฉียดๆเลยนะ)
และแน่นอน ตัวเก่งก็ต้องเป็นตัวนี้
ก็เลยถึงคราวตามหารองเท้ามาเข้าคู่ ซึ่งก็คลาดไปคลาดมา เพราะปันใจไปให้คู่อื่นๆก่อนซะหมด
จนสุดท้าย มีน้องคนนึงมาตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับรองเท้ารุ่นนี้ เลยทำให้ได้รู้สึกว่า คงถึงคราวแล้ว
ที่จะกลับมาใส่เจ้า tech challenge II อีกครั้ง
ซึ่งแน่นอน หลังจากที่ใช้บริการ ebay ไปแล้ว ก็ได้มาครอบครอง(ที่เรียกกว่ากว่าจะได้มา เล่นเอาเหงื่อตก)
แต่สุดท้าย ก็สมใจ ได้เติมเต็มความทรงจำดีๆสมัยที่ยังรุ่นๆอีกครั้ง ^ ^
PS : สาเหตุที่เหงื่อตกที่บอกไป ไม่ใช่เพราะมันหายากอะไรหรอก แต่เพราะคนขายดันใส่ที่อยู่มาเป็นแบบนี้
เล่นใส่มาแต่ชื่อถนน ตกทั้งบ้านเลขที่ ทั้งซอยไปซะ แล้วบุรุษไปรษณีย์ก็ส่งไม่ถูก ยังโชคดีที่เอะใจทัน
เช็คในเว็บ USPS แล้วลองโทรตามดูที่ 1545 ปรากฎว่าทางไปรษณีย์รองเมือง ที่เป็นต้นทาง
ของเขตปทุมวันทำเรื่องตีกลับไปศูนย์ไปรษณีย์ภัณฑ์คืน เพื่อจะส่งกลับ USA ซะแล้ว
คราวนี้เลยตาเหลือก แต่ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากพี่ๆที่รองเมือง โดยแนะนำว่า
ให้ขอให้ที่ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพช่วยดึงกลับมาให้ แล้วถึงไปรับด้วยตัวเองอีกทีที่แถวหัวลำโพง
ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีอีกเช่นกันที่ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพ ทำให้ได้ของคืนมาในที่สุด
(แถมไม่เสียภาษีอีกซักบาท)
เรียกว่าพิสูจน์รักแท้กันไปเลยงานนี้ กว่าจะได้ เล่นเอาเหนื่อย - -"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น